Interviewer First Time

มีจดหมายจากทางบ้าน

เท่าที่ค้น Calendar เจอคิดว่าเราน่าจะเข้าสัมภาษณ์งานครั้งแรกเมื่อ 15 พฤษจิกายน 2017 ก็ปีกว่าๆ แล้วแฮะ…

ตำแหน่งตอนนี้ที่เราดูคือ

  • Internal Tools
  • ERP Developer
  • React Native (ไม่ได้เขียนแล้วแต่เค้ายังให้ดูอยู่ T_T)
  • System Administrator / Site Reliability Engineer (จะมองว่า SRE เป็น Senior ของ Sysadmin ก็พอได้ เพราะ hiring bar สูงกว่ามาก)

ไปทีละประเด็นดีกว่า

สัมภาษณ์แล้วได้อะไร

เรื่องแรกคือ ด้วยความที่วงในค่อนข้างมี Hiring bar สูง เราก็เลยจะเห็นแต่ dev ในบริษัทที่เขียนโปรแกรมกันเป็นในระดับหนึ่งแล้ว แต่พอมาสัมภาษณ์แล้วก็ได้เห็นกับตากับสิ่งที่คนเค้าเล่าๆ กันมาว่า dev ที่ไม่มีความสามารถในไทยมีเยอะมาก (และตำแหน่งที่เราดูบางอันคือตำแหน่งที่ hiring bar ต่ำสุดในตำแหน่งที่เขียนโค้ดของบริษัทแล้ว)

บางวันเดินออกมาจากห้องแล้วก็ตั้งคำถามตัวเองนะว่าพอเราไม่รับแล้วคนเหล่านี้จะไปไหน? เคยบ่นๆ ใน Twitter อยู่เหมือนกัน คือข้อดีของการทำงานกับคนเก่งๆ คือมันยังมีคนชี้ถูกชี้ผิด ให้คำปรึกษา แต่พอเราปฏิเสธเค้าไปแล้วเค้าก็ต้องลงไปในบริษัทที่ bar ต่ำกว่าเรา ก็ได้แต่เดาว่าแอพพลิเคชั่นบางตัวที่คนใช้ด่ากันเยอะๆ (เช่นระบบต่างๆ ของราชการที่มันไม่เป็นไปตาม best practice สมัยใหม่) หรือบางที Vendor ที่เราด่าบ่อยๆ นั่นแหละคือคนกลุ่มนี้รวมตัวกันหรือเปล่านะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตลาดก็คงยังต้องการคนเหล่านี้อยู่ เพราะจะให้เราไปเซต WordPress ก็คงจะ overqualified ไปหน่อย

อีกอันที่ตาสว่างมากๆ คือเราจะเจอ Candidate บางคนที่คุยด้วยแล้วสนุกมาก แต่พอ test skill เข้าจริงกลับทำไม่ได้ เดี๋ยวนี้ก็เลยไม่ค่อยให้ความสำคัญของใน Resume เท่าไรเพราะเชื่อไม่ค่อยได้ บางคน list ภาษาที่เขียนมา อันดับหนึ่งก็เขียนมาตรงกับตำแหน่ง บางทีก็มีดาวเยอะด้วย แต่พอเทสแล้วก็บอกว่าไม่ค่อยได้เขียนไม่ถนัด…

ที่พีคที่สุดที่เจอคือสมัครเข้ามาตำแหน่งเดียวกับที่ทำงานเก่า แล้วเราใช้ Stack เหมือนที่ทำงานปัจจุบันเค้าด้วย แต่พอทดสอบ basic programming แล้วไม่ได้อะไรเลย ก็งงจนไม่รู้ทำอะไรต่อได้แต่ส่งกลับบ้าน


สุดท้ายคือคือมันจะเห็นมุมมองของหลายๆ คนกับคำถามสัมภาษณ์ คือคำถามที่ไม่ใช่ role-specific เค้าจะมีเตรียมให้เราถามอยู่แล้ว (และทั่วไปเราก็จะถามไปตามธรรมเนียมแต่ไม่ค่อยได้สนใจเท่าไร) มันก็จะมีทั้งคนที่ตอบได้แบบฉลาดมากๆ และตอบผิดแบบ red flag ไปเลย เสียดายว่ายกตัวอย่างให้อ่านกันไม่ได้

อันนึงที่ถามคือคนที่ไม่ผ่านก็จะมีคำถามนิดหน่อยว่าตกลงแล้วเค้าทำอะไรกันแน่ถึงไม่ผ่าน ส่วนมากก็จะบอกประมาณว่าไม่ค่อยได้เขียนตรงที่เราถาม (อันนี้ก็ต้องเก็บไว้คิดต่อว่าคำถามเรามันเป็นคำถาม trick หรือเปล่า) แต่ก็มีคนพีคๆ เหมือนกันที่ว่าคนในทีมทำหมดเลยหน้าที่ผมคือเก็บตก -_-!!

เหนื่อยมั้ย?

ตอนได้สัมภาษณ์ทีแรกตื่นเต้นมาก เตรียมข้อสอบอยู่หลายวันเพราะเป็นครั้งแรกที่เปิดตำแหน่งนี้

แต่สักพักก็เริ่มขี้เกียจแล้วเพราะมาแต่ละคนก็ไม่มีใครทำข้อสอบได้สักที ก็ชักเริ่มสงสัยว่าออกข้อสอบยากไปมั้ย แต่คนที่ทำได้สัก 70% เนี่ยก็รับมาหมดแล้วแล้วก็ perform ได้ตามที่คาดหวังด้วย

แล้วเวลามีสัมภาษณ์เราไม่ได้เสียเวลางานเฉพาะช่วงที่มีนัดเข้ามา แต่รวมถึงทั้งก่อนเวลาที่เค้าเข้ามาด้วยที่เราจะต้องไป setup เครื่อง และเราก็ไม่ชอบทำงานครึ่งๆ กลางๆ ไว้ด้วย เวลามีสัมภาษณ์เลยต้องประเมินเวลาเขียนโค้ดก่อน ถ้าไม่เสร็จภายในเวลาก็จะหยุดทำไปเลย

ช่วงหลังนี้ dev team เริ่มจะ recruit หนักขึ้นเพราะบริษัทต้องการขยายไปหลายๆ อย่างแต่ไม่มีทีมพอ ก็เลยต้องปรับ process ใหม่ให้มีรอบ phone interview เพิ่มขึ้นมาจะได้ไม่เสียเวลา (และส่วนตัวคิดว่ามันทำให้เราเรียกคนได้มากขึ้น ลดโอกาสที่ pre-screen ผิดพลาดลงเพราะมีหลายคนที่เราแนะนำมาแล้วบริษัทก็ทำตกหล่นไปในรอบนี้)

ตอนนี้ก็เลยลอง outsource งานตัวเองดูด้วยการออกข้อสอบที่ถาม fact บางอย่างที่ควรจะรู้ในหัวอยู่แล้วแล้วเอาไปให้ People team (HR) ถาม เช่นถามว่า ยกตัวอย่าง Linux distro มาหน่อย แบบนี้ใครตรวจก็ได้ (คงไม่มีใครตอบว่า GoboLinux เนอะ…)

ช่วงแรกก็คงต้องนั่งตรวจอยู่ด้วยเพื่อ handle กรณีมี case คำตอบที่ไม่ได้เผื่อไว้ แต่ถ้าราบรื่นแล้วคงจะลดภาระงานได้เยอะ