ปีที่แล้วผมตั้งเป้าว่าจะซื้อโปรแกรมแท้ แล้วสุดท้ายผมก็ไม่ได้ซื้อ เพราะผมว่าผมไม่มีเงิน
เอาจริงๆ ถ้าดูยอดเงินในบัญชีผมผมก็ซื้อได้แหละ แต่คำถามคือเท่าไรคือเงินที่ใช้ได้ เท่าไรคือเงินที่ควรเก็บ
สมัยผมเล่นเกมออนไลน์เกมนึง ผมตั้งกฎกับตัวเองว่าเงินที่ใช้ได้คือครึ่งหนึ่งของเงินที่มี จนกระทั่งผมแหกกฎเอาเงิน 80% ที่มีไปซื้อดาบเทพมา ซึ่งผมว่าคุ้มมากเพราะเลเวลขึ้นไวสะใจเลย (และ 30% ที่เกินจาก 50% นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ) ผมก็เลยไม่แน่ใจว่าวิธีผมคิดถูกแล้วแน่หรอ (แต่ตอนจะเลิกเล่นแล้วขายทิ้งนี่ผมเศร้าเลย ราคาตกไป 10 เท่าเพราะแพทช์ใหม่มันทำให้กลายเป็นของหาง่ายขึ้น)
กลับมาที่ปัญหานะครับ ผมคิดว่ากลับมาทำบัญชีดีกว่า สมัยม. ปลายผมใช้ GnuCash แต่ก็เลิกใช้ไปแล้ว เพราะมันมีปัญหาอยู่คือ
- ลงบัญชีลำบาก ผมมีหลาย OS ผมต้อง reboot กลับเข้ามาลงบัญชี มันก็กลายเป็นว่าบางทีผมไม่ได้ลงหลายวัน ผมก็กองๆ เงินไว้ที่โต๊ะ
- GUI ก็ไม่น่าดึงดูดให้ใช้สักเท่าไร ปุ่มก็เยอะแถมใช้ศัพท์บัญชีอีก (เห็นตัว n ในภาพไหมครับ มันคือ reconcile ทีแรกผมนี่งงเลยว่าคืออะไร)
- ลงบัญชียาก ตอนนั้นผมดันเอาบัญชีสารพัดรายการ ทั้งส่วนตัวและของ Sunburn Group เข้ามาทำในเล่มเดียวแล้วก็งง
- มันก็ไม่ได้ตอบคำถามผมอยู่ดีว่าเงินเท่าไรใช้ได้ เลขในบัญชีแค่บอกและให้ผมคิดว่าผมเป็นคนมีวินัยมากน้อยแค่ไหน
ก็มาเห็น You Need a Budget ใน Steam สักพักแล้วครับ แต่ราคาเนี่ยคงต้องบอกว่าคงต้องตั้ง budget กันมาซื้อเลยแหละ จนกระทั่งว่าไปอ่านเจอว่าถ้าเป็นนักศึกษาอยู่ส่งบัตรให้เค้าแล้วเค้าจะให้ใช้ฟรีปีนึง ปีต่อไปถ้ายังเรียนไม่จบก็มาขอใหม่เรื่อยๆ ปีใหม่ที่ผ่านมาก็เลยว่างั้นลองดูเลยละกัน
(สำหรับบทความนี้ผมได้คีย์มาใช้ฟรีตามเงื่อนไขข้างบน ไม่ได้รับตังมาอวยนะครับ)
ตัว You Need a Budget เนี่ยอาจจะเรียกว่าเค้าไม่ได้จะขายโปรแกรม แต่ขายหลักการใช้เงิน ซึ่งปกติมันก็น่าจะมาเป็นหนังสือ แต่อันนี้มาเป็นรูปของโปรแกรม ซึ่งเค้าสรุปหลักการเป็นกฎ 4 ข้อคือ
- ตั้งเป้าหมายให้เงินทุกบาท
- ออมเงิน
- ยืดหยุ่น
- ใช้เงินของเดือนที่แล้ว
จะสังเกตว่ามันตอบคำถามผมเลยว่าเงินเท่าไรใช้ได้ โดยกฎข้อแรกเนี่ยเค้าบอกว่าถ้ามีเงินเดือนนี้อยู่ 5,000 บาท เราจะต้องบอกเลยว่าในเงิน 5,000 บาทนี้จะทำอะไรบ้าง เช่น ค่าเดินทาง 500 บาท ค่าข้าว 500 บาท ค่าเที่ยว 1,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟ 1,000 บาท ออมเงิน 2,000 บาท ซึ่งมันก็จะตอบคำถามผมได้ชัดเจนกว่าการบอกว่าผมมีเงิน 5,000 งั้นโอเคกดเกม Steam สัก 1,500 คงไม่เป็นไร มั้ง…
ทีนี้ในข้อสองเค้าจะบอกว่านอกจากวางแผนให้ชีวิตประจำวันแล้วอย่าลืมหยอดกระปุกด้วย เช่น ผมต้องต่อโดเมนผมปีละ 500 บาท ผมก็ตั้งเป็นหมวดต่อโดเมนไว้ในโปรแกรม ใส่เงินของเดือนนี้เข้าไป 50 บาท แล้วหยอดกระปุกแบบนี้ไปทุกเดือน ครบสิบเดือนผมก็ได้ 500 บาทพอดีและจ่ายค่าโดเมนได้อย่างสบายใจ ซึ่งก็จะดีกว่าการที่ว่ารอบิลมาแล้วมาหักค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทีเดียวเยอะๆ ไปต่อโดเมน (แล้วเดือนนั้นก็คือแกลบ)
ในหลักการข้อนี้ยังแนะนำให้คิดถึงค่าใช้จ่ายที่ไม่แน่นอนด้วยครับ เช่นค่าซ่อมต่างๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะได้ซ่อมหรือเปล่า ซ่อมอะไร ซ่อมเมื่อไร แต่ก็ควรหยอดกระปุกไว้เนิ่นๆ
ข้อต่อมายากที่สุดในการใช้แล้วครับ กฎข้อสามบอกว่ากฎข้อหนึ่งไม่ใช่กฎเหล็ก ตัวอย่างเช่นถ้าผมวางแผนว่า ซื้อของทั่วไป 500 ซื้อเกม 300 ปรากฏว่าปีใหม่ผมสอยเกมไป 500 วิธีแก้คือผมก็ต้องหักงบซื้อของผมมาโปะ ก็กลายเป็นซื้อของทั่วไป 300 ซื้อเกม 500 แทน
ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนะเพราะมันทำให้บางทีใช้เงินจนจะเกินงบหมวดนั้นแล้วแต่ก็ยังคิดว่าเอาหมวดอื่นมาลงได้ (บางทีก็ลามไปถึงเงินออม) แต่เค้าให้เหตุผลว่าเพราะว่าเราก็ไม่รู้ค่าใช้จ่ายจริงๆ ล่วงหน้าได้ เลยต้องมีการปรับไปปรับมา (สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับว่าหักห้ามใจตัวเองได้แค่ไหนอยู่ดี)
และข้อสุดท้ายซึ่งผมยังไม่ได้ใช้ในเดือนแรกนี้คือการใช้เงินเดือนที่ในเดือนนี้ อย่าใช้แบบเดือนชนเดือน
หลักการพวกนี้ ทาง You Need A Budget เองก็บอกเลยครับว่าไม่จำเป็นต้องใช้โปรแกรมของเค้าก็ได้ ก็ไปจดบันทึกเองใน Excel หรือในกระดาษก็ได้ แต่ถ้าใช้โปรแกรมของเค้ามันจะเป็นการบังคับเราให้เราต้องลงบัญชีแบบนี้
แล้วตอนนี้ผมใช้ YNAB ยังไง?
ตัว YNAB จะมีสองระบบครับ คือ Budget กับ Account โดย Budget จะเป็นมุมมองว่าตอนนี้เรามีเงินเท่าไร ใช้ทำอะไร ส่วน Account เป็นมุมมองที่อยู่ของเงินว่าที่เก็บเงินนี้เรามีเงินอยู่เท่าไร ซึ่ง account ก็จะมีทั้งแบบ on-budget คือ นำเงินไปคิดในส่วนของ budget ด้วย และ off-budget คือมีการลงบัญชี แต่ไม่เอาไปคิดใน budget
ผมก็เลยตั้งว่าให้บัญชีธนาคารผมทั้งหมดอยู่ on-budget ส่วนเงินในกระปุกผมและเงินที่เอาไปลงทุนต่างๆ เป็นส่วน off-budget
ปัญหาที่เจอหลักๆ เลยครับคือเงินฝากที่มีอยู่เดิมแล้วทั้งหมดของผมจะทำยังไงกับกฎข้อแรกที่ว่าต้องให้ทุกบาทมีเป้าหมาย ผมใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่ครึ่งเดือน ครั้งแรกผมใส่มั่วๆ ไปทุกหัวข้อว่า ค่าซื้อของเท่าไร ค่าเติมมือถือเท่าไร ฯลฯ แล้วเงินที่เหลือก็ปล่อยไว้ไม่ได้ตั้งเป้าหมาย (โปรแกรมก็จะขึ้นค้างไว้ว่ามีเงินเท่าไรที่ไม่มีเป้าหมาย)
ปรากฏว่าผมทดลองทำบัญชีเดือนถัดไป ผมงงมากกว่าเดิมเพราะว่าโปรแกรมจะเอาเงินที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมายเข้าไปบวกกับรายได้ของเดือนหน้า ผมเลยไม่รู้ว่าสรุปแล้วเดือนหน้าผมต้องตั้งงบรวมทั้งหมดกี่บาท
ผมเลยไปอ่านเอกสารของโปรแกรมใหม่ถึงเข้าใจหลักการว่า เงินที่แบ่งไว้ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ให้หมดตามที่เขียน แล้วก็สามารถตั้งงบติดลบเพื่อปล่อยเงินออมมาได้ ผมเลยตั้งหัวข้อมาใหม่เลยว่า เงินออม แล้วเอาเงินเกือบทั้งหมดใส่เข้าไปในนั้น
หลังจากผ่านเดือนแรกไปแล้วผมกลับมารู้สึกเห็นคุณค่าของเงินเยอะขึ้นมากเลยครับ (ซึ่งตอนทำบัญชีทุกทีก็จะเป็นแบบนี้) จากเดิมซื้อก็คือซื้อ impulse buy อันนี้จะซื้อก็มานั่งเปิดโปรแกรมดูก่อนว่างบมีไหม ถ้าไม่มีจะต้องตัดส่วนไหนเข้ามา อันนึงที่ทำให้ผมแปลกใจมากคือผมเพิ่งมาคิดว่าค่าโดเมนที่ผมถือในมือมันก็ไม่ใช่ถูกๆ ก็กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะทำยังไงดี จะปล่อย หรือจะต้องเก็บเงินเท่าไรไปต่อ
คำถามที่ผมว่าโปรแกรมนี้ยังไม่ตอบอยู่ดีคือ ผมจะใช้เงิน “เท่าไรดี” โปรแกรมช่วยแค่ให้เห็นภาพว่าเงินผมหายไปไหนบ้าง แต่ผมจะตั้งค่ากินค่าเที่ยวกี่บาทถึงจะไม่เกินตัว อันนี้ผมว่าคำตอบคงขึ้นอยู่กับตัวเองแล้วแหละ
แล้วอาจจะพบกันในซีรีสต่อไปครับ…