นั่งอ่าน Manual Tesla Model 3 ทั้งเล่มแล้วก็พบว่ามันมีจุดซ่อนอยู่พอสมควร เลยสรุปเฉพาะจุดที่สำคัญและคิดว่าเล่นเองอาจจะหาไม่เจอ หรือที่มีคนถามบ่อยๆ มาดังนี้
References
- Model 3 Owner’s Manual (Model Year 2024, software version 2023.44.30)
- Is there any way to access the 1 hour loop video of the Dashcam?
หน้าจอ
หน้าจอหลัก
- ปัดขอบจอออกจากตัว (ไปทางซ้าย) เพื่อแสดงตัวเลือกเกียร์
- กดที่ P (ด้านบนจอ) ค้างไว้เพื่อเบรคฉุกเฉิน
- เกียร์ว่าง กด N ด้านล่าง (ต้องกดเบรคเพื่อออกจาก N)
- เปลี่ยนเกียร์ได้ที่ความเร็วน้อยกว่า 8 กม/ชม (ไม่ต้องหยุดหรือเหยียบเบรค)
- ตั้งแอพที่แสดงด้านล่าง โดยเปิดหน้ารายการแอพ (…) แล้วกดแอพใดก็ได้ค้างไว้ ลากลงไปด้านล่าง
สัญลักษณ์ด้านบนสุดของหน้าจอ (Status Icon)
- กดเพื่อล็อครถ
- (แสดงเฉพาะตอนจอด) กดเพื่อเปิดปิด Sentry Mode เฉพาะการขับรอบนี้
- แสดงว่ามีแอพมือถือใช้งานตำแหน่ง GPS ของรถอยู่
หน้าจอขับขี่
- หลอดสีเทา/เขียวด้านบน คือการใช้ไฟ ไปทางขวาคือจ่ายไฟ ไปทางซ้ายคือ regen
- รูปพวงมาลัย ข้างๆ เกียร์ที่เลือก คือใช้งาน Autosteer ได้ (สีน้ำเงิน = กำลังทำงาน, สีเทา = ใช้ได้แต่ไม่ได้เปิดใช้)
- คือความเร็ว Cruise control
- กดที่ % แบต เพื่อเปลี่ยนเป็นระยะทาง ระยะทางที่วิ่งได้จะขึ้นอยู่กับประวัติผู้ขับขี่ ใน Profile นั้นๆ
สัญลักษณ์ข้างหน้าจอ
- เติมลมยาง
- ไฟสูง auto ทำงานอยู่ สีน้ำเงิน = ตอนนี้ไฟสว่าง, สีเทา = ตอนนี้ไฟดับ
- ระบบ Traction control ปิดอยู่ หรือ Slip start เปิดอยู่
- ระบบ Vehicle Hold ใส่เบรคอยู่
- Regen ได้จำกัด
- แบตเย็นเกินไป
ตั้งค่าหน้าจอ
เมนู ตั้งค่า > Display
- เช็คหน้าจอ โดยกด Screen Clean Mode จอจะมืดและกดไม่ได้ เพื่อให้เช็ดหน้าจอได้
- กด Lock Rear Display เพื่อล็อคไม่ให้เล่นจอหลัง
- ตั้งขนาดตัวอักษร Text Size ได้ระหว่าง Standard, Large
หน้าจอหลัง
- คุมจอหลังผ่านจอหน้าได้ โดยใช้แอพ “Rear Screen”
- สามารถเชื่อมหูฟัง Bluetooth ได้ 2 คู่บนหน้าจอ (ใช้เชื่อมมือถือสำหรับเปิดเพลงไม่ได้)
- เลื่อนเบาะผู้โดยสารหน้าได้ผ่านหน้าจอ
คำสั่งเสียง (บางส่วน)
ใช้งานได้เฉพาะภาษาอังกฤษ
- Make it cooler = ขอหนาวๆ
- Make it warmer = ขออุ่นๆ
- Direct airflow to my face = เป่าเข้าหน้า
- Increase the fan speed = เร่งพัดลม
- Decrease the fan speed = ลดพัดลม
- Turn on recirculate = เปิดอากาศหมุนเวียน (ไม่เอาอากาศข้างนอก)
- Speed up the wipers = ปัดน้ำฝนเร็วขึ้น
- Turn on the wipers = เปิดที่ปัดน้ำฝน
- Sentry Mode on = เปิด Sentry Mode (ต้องจอดรถ)
- Lock the doors = ล็อครถ (ต้องจอดรถ)
- Fold the mirrors = พับกระจก (ต้องจอดรถ)
- Open charge port = เปิดช่องชาร์จ (ต้องจอดรถ)
- Stop charging = หยุดชาร์จ (ต้องจอดรถ)
- Open the glovebox = เปิดช่องเก็บของคอนโซลหน้า (ต้องจอดรถ)
- Mute voice guidance = ปิดเสียงนำทาง
- Navigate home = นำทางกลับบ้าน
- Raise the volume = เพิ่มเสียง
- Lower the volume = ลดเสียง
- Skip to next = เพลงถัดไป
- Report = แจ้งบั๊ก
- ฯลฯ
ทาง Tesla มีการบันทึกคำสั่งเสียงที่ใช้ (ไม่บันทึกเสียง)
ความบันเทิง
- เชื่อม Bluetooth ได้สูงสุด 10 เครื่อง
- ตั้งมือถือเป็น Priority Device เพื่อเลือกเป็นเครื่องหลัก หากไม่ตั้งหรือไม่เจอเครื่องนี้จะเอาเครื่องสุดท้ายที่เคยต่อเป็นเครื่องหลัก
- ต้องเชื่อมมือถือสำหรับฟังเพลง แยกกับระบบกุญแจ
- สามารถโทรออก รับสายได้จากบนจอ
- สามารถเชื่อมจอยเกมเพื่อใช้เล่นเกม (เสียบจอย USB ได้ที่ช่องเก็บของคอนโซลหน้า)
- ใช้งานได้พร้อมกันสูงสุด 2 อุปกรณ์
- แอพสตรีมมิ่ง ใช้ได้เฉพาะเมื่อมี WiFi หรือ Premium connectivity
- Spotify มีบัญชี Premium ของรถแถมให้กับ Premium connectivity หรือใช้บัญชีตัวเองก็ได้
- Boombox ใช้เล่นเสียงจากลำโพงเสียงสังเคราะห์ภายนอก
- เล่นเพลงที่เปิดอยู่ภายนอก
- Megaphone = ประกาศ
- กดแตรเพื่อเล่นเสียงจาก USB 5 วินาที
- USB ต้องมี Folder Boombox (อยู่คนละ Partition กับ TeslaCam – ดูหัวข้อกล้อง)
- วางไฟล์เสียง .wav หรือ .mp3 รถจะแสดงเฉพาะ 5 ไฟล์แรกตามลำดับตัวอักษร
- เสียบ USB ที่ช่องเก็บของคอนโซลหน้า
แอร์
- แตะที่ลูกศรปรับอุณหภูมิแล้วกด “Split” เพื่อปรับแอร์แยกระหว่างคนขับ-ผู้โดยสาร
- แตะอุณหภูมิเพื่อเปิดเมนูแอร์
- Keep Climate On = เปิดแอร์ทิ้งไว้ แม้ออกจากรถ
- Dog Mode = เปิดแอร์ทิ้งไว้ แสดงอุณหภูมิไว้ที่หน้าจอ และสามารถดูกล้องในรถได้จากในแอพ (ปกติจะดูกล้องไม่ได้ถ้ามีคนอยู่ในรถ) ไม่สามารถเปิดกระจกได้
- Camp Mode = เปิดแอร์ เปิดช่อง USB และช่องไฟ 12V เปิดหน้าจอไว้ใช้งานได้ รถจะไม่ล็อคอัตโนมัติ
- ใช้งานได้เฉพาะเกียร์ P แบต 20% ขึ้นไป
- Cabin Overheat Protection เมนู ตั้งค่า > Safety > Cabin Overheat Protection
- On = เปิดแอร์อัตโนมัติ เมื่อห้องโดยสารอุณหภูมิเกิน 40 องศา
- No A/C = เปิดแต่พัดลม
- Off = ปิด
- จะทำงานเมื่อออกจากรถ จนครบ 12 ชั่วโมง หรือแบตต่ำกว่า 20%
- เปิดพร้อมกับการแจ้งเตือนเมื่อมีคนโยก/ลากรถ Tilt/Intrusion ไม่ได้
- น้ำแอร์อาจหยดใต้ท้องรถขณะจอด ปิดแอร์ก่อนจอดรถ 30 วินาทีเพื่อลดน้ำที่หยดออก
ระบบนำทาง
- ข้อมูลจราจร แผนที่ดาวเทียม จะต้องใช้ Premium connectivity
- ในการนำทาง กด … หรือ Controls > Navigation เพื่อตั้งค่า
- Navigation Guidance เลือก Voice เพื่อเปิดเสียงนำทาง
- Online Routing เลี่ยงรถติด
- สามารถแชร์หมุดในมือถือมาที่แอพ เพื่อนำทางได้
- การนำทางจะแสดงข้อมูลแบตเมื่อถึงปลายทาง โดยคำนวณจากพฤติกรรมการขับขี่ เนิน ทิศทางลม อุณหภูมิ ฯลฯ ทำให้แม่นยำ
- หากปลายทางอยู่ไกลเกินระยะแบต รถจะเพิ่ม Supercharger ให้
- หากรถไม่มีอินเตอร์เน็ตจะค้นหาสถานที่ไม่ได้ แต่ยังนำทางได้
- เฉพาะ Premium Connectivity จะแสดง 3 เส้นทางให้เลือก
รถ
- ถ้าใช้ Car Seat สำหรับเด็กด้านหน้า ต้องปิดถุงลมที่ ตั้งค่า > Safety > Passenger Front Airbag
- เวลาล้างรถ อย่าลืมปิดปัดน้ำฝน Auto
- ห้ามใช้น้ำยาเคมีทำความสะอาดกล้องในห้องโดยสาร
Restart
- Restart หน้าจอ ให้เข้า P แล้วกดปุ่มลูกกลิ้ง 2 ด้านพร้อมกัน ค้างไว้จนหน้าจอดับ (ไม่ต้องเหยียบเบรค)
- Restart รถโดยเข้า P แล้วไปที่เมนู ตั้งค่า > Safety > Power Off รอเฉยๆ 2 นาที แล้วจึงเปิดประตูหรือเหยียบเบรค
ระบบไฟฟ้า
- ช่อง USB-C 3 ช่อง ไฟรวมกัน 3 ช่อง 42W หรือ 65W ถ้าใช้ 2 ช่อง
- ด้านหลังกล่องคอนโซลหน้า 1 ช่อง
- ใต้จอหลัง 2 ช่อง
- ช่อง USB A ในช่องเก็บของด้านหน้า 1 ช่อง สำหรับเสียบ flash drive บันทึกภาพจากกล้อง หรือใส่เพลง
- ช่องชาร์จไร้สาย 2 ช่องด้านหน้า มาตรฐาน Qi 15W
- ไม่ควรวางบัตร เหรียญ กุญแจ โลหะไว้บนช่อง
- ช่องจุดบุหรี่ ในช่องเก็บของใต้คอนโซลหน้า จ่ายไฟ 12A
- จ่ายไฟเฉพาะเวลารถเปิดอยู่ เช่น เปิด Sentry Mode, Keep Climate On, Dog Mode, Camp Mode, ระหว่างชาร์จไฟ, ระหว่างติดต่อกับแอพ, ระหว่างชาร์จแบตลูกเล็ก, ฯลฯ
กล้อง
- รถมีกล้อง 6 ตัว
- ด้านบนป้ายทะเบียนหลัง
- เสา B ทั้งสองฝั่ง
- กระจกหน้ารถ ด้านหลังกระจกมองหลัง 2 ตัว
- ไฟเลี้ยวด้านข้าง ทั้งสองข้าง
- กล้องภายในห้องโดยสาร (ด้านบนกระจกมองหลัง)
- ต้อง calibrate กล้องโดยขับประมาณ 32-40 กม. บนถนนที่ตีเส้นชัดเจนทั้ง 2 ฝั่งถนน จึงจะใช้งาน Autopilot ได้
- ควร calibrate บนถนน 5 เลนขึ้นไปที่ตีเส้นชัดเจน มีรถน้อย โดยขับเลนกลาง
- ถ้าขับไป 160 กม. แล้วใช้งานไม่ได้ให้แจ้งศูนย์
- ถ้ากล้องเลื่อน (เช่นเปลี่ยนกล้องหรือกระจกหน้ารถ) ให้ลบ calibrate โดยกด ตั้งค่า > Service > Camera Calibration > Clear Calibration
- กล้องหน้ารถจะบันทึกใน Flash drive ภายในช่องเก็บของคอนโซลหน้าเท่านั้นdd
- USB2.0 ความจุ 64GB ขึ้นไป ความเร็วเขียน 4MB/s
- Format เป็น exFAT, FAT32, ext3 หรือ ext4
- สร้าง Folder “TeslaCam” “TeslaTrackMode”
- ถ้าจะใส่เพลงต้องแยก partition exFAT ออกไปต่างหาก
- ตั้งค่าบันทึกกล้องหน้า ตั้งค่า > Safety > Dashcam (Off = ปิด, Auto = บันทึกเมื่อชน, Manual = ต้องกดแอพ Dashcam เพื่อบันทึก 10 นาที + On Honk = กดแตรเพื่อบันทึก 10 นาที)
- รถจะเซฟไฟล์ทุกกล้องไว้ใน Folder
TeslaCam/Recent
ตลอดเวลา ไฟล์ละ 3 นาที รวมกัน 1 ชั่วโมงก่อนจะทับ ชื่อไฟล์จะเป็นเวลาที่บันทึก เขตเวลา UTC (ลบ 7 ชั่วโมงจากเวลาไทย) (ต้องดูไฟล์ในคอมเท่านั้น ถ้าไม่ได้กดบันทึกในรถ)
- Sentry Mode เมื่อเปิดรถจะสแกนกล้องตลอดเวลาที่จอดรถ และบันทึกเหตุการณ์ที่น่าสงสัย แจ้งเตือนทางโทรศัพท์ กระพริบไฟ
- ทำงานเฉพาะเมื่อแบต 20% ขึ้นไป
- ตั้งค่า > Safety > Sentry Mode > Camera-Based Detection เปิดปิดการตรวจจับจากกล้อง ถ้าปิดจะใช้เซนเซอร์รถเท่านั้นจึงบันทึก
- ตั้งค่า > Safety > Sentry Mode > View Live Camera via Mobile App เพื่อดูบันทึกผ่านแอพ (ได้เฉพาะเมื่อรถล็อค ไม่มีคนอยู่) ต้องใช้ Premium connectivity จำกัดวันละ 15 นาที
ประตู หน้าต่าง กระจกมองข้าง
- รถ 1 คันมีกุญแจได้ 19 ดอก
- แอพ
- ต้องล็อคอินแอพ Tesla ไว้ ห้ามออก
- สามารถใช้งานได้ แม้ไม่มีเน็ต
- ถ้ามีรถหลายคัน ต้องเลือกรถที่ต้องการไว้ในแอพ
- มือถือต้องเปิด Bluetooth และ Location ตลอดเวลา
- รถต้องตั้งเมนู ตั้งค่า > Safety > Allow Mobile Access จึงจะใช้แอพได้
- พอจับสัญญาณ bluetooth ของมือถือได้ ดึงประตูประตูจะปลดล็อค
- ถ้าเดินออกนอกระยะ รถจะล็อคอัตโนมัติ (ต้องเปิด ตั้งค่า > Locks > Walk-Away Door Lock)
- ถ้าตั้ง Exclude Home ไว้ รถจะไม่ล็อคเองที่บ้าน
- รถจะไม่ล็อคถ้ามีแอพมือถืออยู่ในรถ, ประตูปิดไม่สนิท หรือ ปิด Bluetooth ของมือถือ
- รถจะไม่ล็อคถ้าคนขับออกจากรถ ปิดประตูแล้วรถยังเจอว่ามีแอพมือถืออยู่ในรถอีกหลายนาที
- รถจะไม่ล็อคถ้าคนขับออกทางประตูอื่นที่ไม่ใช่ประตูคนขับ
- ตั้งค่า > Lock > Car Left Open Notification จะแจ้งเตือนที่แอพหากลืมล็อครถ หรือเปิดประตูทิ้งไว้
- สามารถใช้มือถือได้พร้อมกัน 3 เครื่อง ถ้าจะเพิ่มมือถืออีกต้องปิด Bluetooth ของเครื่องในระยะออกก่อน
- ต้องตั้ง Pair Bluetooth แยกต่างหาก ในกรณีที่ต้องการจะฟังเพลงหรือโทรศัพท์
- มือถือที่รองรับ NFC หลังจากเชื่อมมือถือแล้วสามารถใช้แตะที่เสา B ได้เหมือนบัตร
- บัตร
- แตะที่เสา B ใต้กล้องเพื่อล็อครถ
- เปิดรถแล้วสามารถเหยียบเบรคออกได้เลย ภายใน 2 นาที
- ถ้าเกิน 2 นาที ให้วางบัตรไว้บนแท่นชาร์จไร้สาย
- รถจะไม่ล็อคอัตโนมัติถ้าไม่ได้ใช้แอพเปิด
- สามารถใช้บัตร 1 ใบกับรถหลายคันได้ โดยชื่อบัตรที่ตั้งในรถจะเชื่อมกันทุกคัน
- กรณีฉุกเฉิน ไฟฟ้าดับ ให้ดึงคันโยกด้านหน้าปุ่มปรับกระจก ด้านหลังให้ดึงสายรัดใต้ในช่องลับ ในที่ไว้ของด้านล่างประตู (ไม่ควรใช้ถ้ามีไฟฟ้า)
- เสียงล็อครถ
- เปิดปิดเสียงล็อครถที่ ตั้งค่า > Locks > Lock Confirmation Sound
- เปลี่ยนเสียงที่ App Toybox > Boombox > Lock Sound
- ตั้งให้พับกระจกมองข้างอัตโนมัติ ตั้งค่า > Mirrors > Mirror Auto Fold
- กระจกมองข้างจะกางเองที่ความเร็ว 50 กม/ชม
- ถ้ากดพับกระจกมองข้าง จะมีปุ่ม Save Location เพื่อให้พับกระจกมองข้างเฉพาะที่นี่
- ตั้งให้ปิดกระจกอัตโนมัติเมื่อล็อครถที่ ตั้งค่า > Lock > Close Windows on Lock
- กรณีกระจกเปิดปิดไม่ถูกต้อง ให้ Calibrate
- ปิดประตูที่กระจกเสีย และประตูคนขับ
- ใช้ที่ปรับกระจกข้างคนขับ ยกกระจกขึ้นสุด ลงสุด ขึ้นสุด
ช่องเก็บของ
- กระโปรงท้าย
- ปรับความสูงกระโปรงท้ายเวลาเปิดอัตโนมัติ ให้ปรับกระโปรงท้ายไปที่ตำแหน่งที่ต้องการ แล้วกดปุ่มปิดค้างไว้จนได้ยินเสียงยืนยัน
- กระโปรงท้าย ด้านล่าง (ช่องลับ) ไว้ของได้ 40 กิโล ด้านบนได้ 130 กิโล
- ฝากระโปรงท้ายภายใน มีปุ่มเปิดหากติดอยู่ภายในกระโปรงท้าย (ดึงแล้วผลักกระโปรงเปิด)
- กระโปรงหน้า
- วิธีปิดคือ ลดกระโปรงหน้าลงมาเบาๆ แล้วใช้สองมือกดข้างโลโก้ Tesla ทั้งสองข้าง (ห้ามกดที่โลโก้ หรือกระแทก)
- กระโปรงหน้าไว้ของได้ 50 กิโล
- ช่องเก็บของด้านหน้าสุดมีปุ่มปลดสลักกระโปรงหน้า (ระวังสิ่งของภายในไปโดน)
- ตั้งรหัสเปิดช่องเก็บของคอนโซลหน้าที่ ตั้งค่า > Safety > Glovebox PIN
พวงมาลัย
- ลูกกลิ้งซ้าย ใช้ปรับเพลง
- กดปุ่มปัดน้ำฝน แล้วเลื่อนซ้ายขวาเพื่อปรับความเร็ว กดลูกกลิ้งเพื่อยืนยัน
- กดค้างไว้เพื่อตั้ง shortcut
- รับสาย เลื่อนซ้าย วางสาย/ไม่รับสาย เลื่อนขวา
- ลูกกลิ้งขวา ใช้ Autopilot
- กดเพื่อเปิด Autosteer
- เลื่อนซ้ายขวาปรับระยะห่าง
- ขึ้นลง ปรับความเร็ว
- กดลูกกลิ้ง 2 ข้างพร้อมกัน เปิดตัวปรับเกียร์ด้านบน ถ้ากดค้างจะ restart
- กดปุ่มปัดน้ำฝนค้างไว้ เพื่อฉีดกระจก (ฉีดจนกว่าจะปล่อยปุ่ม)
ไฟ
- ไฟหน้ารถจะติดในที่มืดค้างไว้ 1 นาทีหรือจนกว่ารถล็อค ตั้งค่าที่เมนู ตั้งค่า > Lights > Headlight After Exit
- เวลาใช้ Autosteer ไฟสูงออโต้จะเปิด ต้องกดปิดเองทุกครั้งที่มีการเปิด Auto steer
- ปรับมุมไฟที่เมนู ตั้งค่า > Service >Adjust Headlight (ไม่ควรปรับเพราะคืนค่าเดิมไม่ได้)
- ไฟเลี้ยวจะปิดเองเมื่อเปลี่ยนเลนหรือเข้าทางร่วมทางแยกแล้ว ถ้าต้องการเปิดค้างไว้ให้กดค้าง ตั้งค่าที่เมนู ตั้งค่า > Lights > Automatic Turn Signals
- ถ้าขับเกิน 50 กม./ชม และเบรคเร็วๆ หรือระบบเบรคฉุกเฉิน ไฟเบรคจะกระพริบรัวๆ ถ้าหลังจากนั้นรถจอด ไฟฉุกเฉินจะทำงานจนกว่ากดคันเร่ง
ผู้ขับขี่
- เพิ่มผู้ขับขี่ได้สูงสุด 10 คน
- ควรแชร์ให้ในแอพก่อน ถ้าต้องการ
- กดรูปคนด้านบนจอ > Add New Driver
- สามารถตั้งค่า Driver Profile Settings แล้วเลือกบัญชี Tesla ได้
- สามารถตั้งค่า > Locks > Keys เพื่อผูกบัญชีกับกุญแจได้
- 1 คนผูกกี่กุญแจก็ได้ แต่ 1 กุญแจได้แค่ 1 คน
- ข้อมูลผู้ขับขี่ที่ผูกบัญชี Tesla จะเชื่อมระหว่างคัน
- หากต้องการถอยเบาะอัตโนมัติ ให้เปิด Use Easy Entry
- ข้อมูลที่บันทึกแยกคน จะแสดงติ๊กสีเขียวตอนแก้ที่เมนูเปลี่ยนคน
การขับขี่
- อย่าย้ำเบรคเพราะจะขัดการทำงานของ ABS
- เมื่อปลดเข็มขัด/เปิดประตู/เสียบสายชาร์จ จะเข้า P อัตโนมัติ
- ถ้าสายชาร์จเสียบอยู่ เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้
- เปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ เมนู ตั้งค่า > Pedals & Steering > Auto Shift out of Park เวลาออกจาก P รถจะเลือกเกียร์ D หรือ R เอง
- รถจะไม่เลือกเกียร์อัตโนมัติ ถ้าไม่ใส่เข็มขัด, ไม่กดเบรค, ไม่ปิดประตู, มีการใช้เกียร์ด้านบน, หรืออยู่ใน Valet Mode
- ถ้าจะเข้าเกียร์ว่าง ใช้เมนู ตั้งค่า > Service > Towing > Transport Mode สามารถเข็นได้เป็นระยะสั้น
- เมื่อรถหยุด Vehicle Hold จะทำงานและใส่เบรคให้โดยไม่ต้องเหยียบ การปลด Vehicle Hold ให้กดคันเร่ง แตะเบรคแล้วปล่อย หรือใส่เกียร์ว่าง เบรคจะทำงานอยู่ 10 นาทีก่อนจะเปลี่ยนเป็น P ให้
- การออกจากหลุม โคลน หรือกรณีที่ล้อฟรี ให้ตั้งค่า > Pedals & Steering > Slip Start
- ลดเสียงเตือนต่างๆ ที่ไม่สำคัญ โดยไปที่ ตั้งค่า > Safety > Joe Mode
- เสียงต่างๆ จากตัวรถ ฟังได้ที่ Normal Operating Sounds
- เสียงสังเคราะห์จะทำงานที่ความเร็ว 40 กม/ชม หรือต่ำกว่า หรือในเกียร์ R
Autopilot
Autopilot (ไม่ซื้อเพิ่ม) มี 2 แบบ
- Traffic Aware Cruise Control (TACC) คือ ปรับความเร็วและระยะห่างตามคันหน้า
- Autosteer เหมือน TACC แต่บังคับรถให้อยู่ในเลนด้วย
- ระบบจะตั้งไฟสูง Auto เมื่อใช้งาน
จะใช้งานได้ต้องมีรถคันหน้า หรือขับตั้งแต่ 30-140 กม/ชม
ฟีเจอร์ต่อไปนี้ต้องซื้อเพิ่ม
- Autosteer เปลี่ยนเลนเอง เมื่อตบไฟเลี้ยว
- Navigate on Autopilot เปลี่ยนเลน เลี้ยวแยก ใช้ทางออกทางหลวงเอง
- ถอยจอดออโต้
- Summon เข้า ออกซองได้จากแอพ
- Smart Summon ออกจากที่จอดรถไปตำแหน่งที่กำหนด
- FSD: หยุดรถตามป้ายหยุด และไฟแดง
การตั้งค่า เมนู ตั้งค่า > Autopilot
- Autopilot Features > Autosteer (Beta) เปิดใช้งาน Autosteer
- Set speed เมื่อเปิด Autopilot แล้ว ให้ตั้งความเร็วเป้าหมายเป็นความเร็วปัจจุบัน หรือความเร็วสูงสุดตามกฎหมาย (Speed Limit)
- Autopilot activation คือ ตั้งให้เปิด Autosteer โดยกด 1 ครั้ง หรือ 2 ครั้ง (หากตั้งเป็นกด 1 ครั้งจะใช้งาน TACC อย่างเดียวไม่ได้)
ออกจาก Autopilot โดยกดลูกกลิ้งขวา กดเบรค หรือหมุนพวงมาลัย
เมื่อรถคันหน้าจอด Autopilot จะจอดตามด้วย (Stop and go)
Active safety
- ระบบป้องกันการออกจากเลน ตั้งค่า > Autopilot> Lane Departure Avoidance (Warning = สั่นพวงมาลัย, Assist = หักคืนให้)
- ระบบป้องกันการชนขณะเปลี่ยนเลน เปิดอัตโนมัติทุกครั้งที่ขับ ใช้งานได้ที่ความเร็ว 64-145 ที่ถนนที่มีเส้นชัดเจน
- ระบบเตือนชนด้านหน้า เปิดอัตโนมัติทุกครั้งที่ขับ สามารถตั้งค่า > Autopilot > Forward Collision Warning เป็น Late/Medium/Early
- ระบบเบรคฉุกเฉิน เปิดอัตโนมัติทุกครั้งที่ขับ ใช้งานได้ที่ความเร็ว 5-200
- จะไม่เบรคถ้าหักพวงมาลัย, ปล่อยเบรค, เพิ่มคันเร่ง หรือไม่พบสิ่งกีดขวางแล้ว
- ระบบป้องกันการชนสิ่งกีดขวาง ตั้งค่า > Autopilot > Obstacle-Aware Acceleration ใช้งานได้ที่ความเร็วต่ำกว่า 16 กม/ชม
- ระบบเตือนความเร็วเกินกำหนด ตั้งค่า > Autopilot > Speed Limit Warning (ปิด/แสดงป้ายความเร็ว/มีเสียงเตือน)
การชาร์จ
- เมื่อตั้งนำทางไปที่ Supercharger รถจะอุ่นแบตให้
- หากไม่ใช้งาน ให้เสียบชาร์จทิ้งไว้
- สามารถเสียบชาร์จทิ้งไว้ได้ไม่จำกัดระยะเวลา
- ควรเสียบชาร์จเป็นประจำ ไม่ต้องรอแบตลดก่อน
- รถสามารถใช้ไฟจากเครื่องชาร์จมาจ่ายไฟให้อุปกรณ์ภายในรถ ขณะที่แบตเต็มแล้ว
- แบตจะลดวันละ 1% แม้ไม่ใช้รถ
- หากแบตเหลือ 0% แล้วอุปกรณ์เสียหายไม่อยู่ในการรับประกัน
- อากาศเย็น ขณะชาร์จอาจมีไอน้ำ
- อากาศร้อน แอร์อาจจะไม่เย็นเนื่องจากเอาไปทำความเย็นให้แบต
- สายชาร์จจะถอดได้ต้องปลดล็อครถก่อน
- กรณีฉุกเฉิน ดึงสายออกไม่ได้ ให้หยุดชาร์จในหน้าจอ ดึงสายปลดภายในกระโปรงท้าย แล้วจึงดึงสายออก
- ช่องชาร์จจะปิดเองถ้าไม่เสียบสายชาร์จ หลายๆ นาที
- การชาร์จด้วยที่ชาร์จฉุกเฉิน ให้เสียบปลั๊กก่อนต่อเข้ารถ
- ตั้งเวลาชาร์จได้ผ่านแอพ หรือเมนู ตั้งค่า > Charging
- Scheduled Charging ตั้งเวลาที่จะเริ่มชาร์จ (รถจะชาร์จทันทีถ้าเสียบสายตั้งแต่เวลาที่เลือกไว้ จนถึง 6 ชั่วโมงให้หลัง)
- Scheduled Departure ตั้งเวลาที่จะใช้รถ
- Preconditioning คืออุ่นแบต และเปิดแอร์เตรียมไว้ก่อนถึงเวลาที่ใช้ (ใช้ไฟจากเครื่องชาร์จ หรือแบตหากแบตมากกว่า 20%)
- Off-Peak Charging คือให้เริ่มชาร์จตอนใกล้เวลาใช้รถ โดยตั้ง Change Off-Peak Hours ได้ว่าควรจะหยุดชาร์จเวลาใด
- แม้ไม่ได้ใช้ไฟ TOU ก็แนะนำให้เปิดใช้เพราะจะได้ไม่ต้องอุ่นแบต
- ถ้าคำนวณแล้วชาร์จเต็มไม่ทันเวลาที่ตั้งไว้ รถจะเริ่มชาร์จทันที และอาจชาร์จเกินเวลา Off-Peak Hours ที่ตั้งไว้
- สามารถตั้งให้ทำงานเฉพาะวันธรรมดาได้
แอพ
- แท็บ Controls
- ล็อครถ เปิดกระโปรงหน้า กระโปรงท้าย ช่องชาร์จ กระจก
- กระพริบไฟ บีบแตร
- เปิด Keyless Driving สำหรับขับโดยไม่มีกุญแจ หรือไม่ต้องการใส่รหัส หรือหน้าจอค้าง
- แท็บ Climate
- เปิดปิด Dog Mode, Camp Mode, Cabin Overheat Protection
- เปิดแอร์จากในแอพได้ จนกว่าแบตต่ำกว่า 20% หรือไม่เกิน 2 ชั่วโมง
- แท็บ Location ติดตามตำแหน่งของรถ
- แท็บ Schedule ตั้งเวลาชาร์จ หรือใช้รถ สามารถตั้งตามสถานที่ได้
- แท็บ Security
- เปิดปิด Sentry Mode
- ดูกล้อง Sentry Mode (ต้องเปิดในรถ รถล็อคอยู่ และไม่มีคนอยู่ในรถ) – ใช้ได้เฉพาะ Premium connectivity จำกัดวันละ 15 นาที
- เปิดปิด Valet Mode (ต้องใช้บัตรเท่านั้น, จำกัดความเร็ว 113 กม/ชม, ลดอัตราเร่ง, ห้ามเปิดกระโปรงหน้า ช่องเก็บของคอนโซลหน้า, ดูตำแหน่งบ้าน/ที่ทำงานไม่ได้, ปิดคำสั่งเสียง, ปิด Autopilot, ยกเลิกแอพไม่ได้, เลือกคนขับไม่ได้, เล่นแอพไม่ได้, แก้กุญแจไม่ได้)
- เปิดปิดการจำกัดความเร็ว (80-193 กม/ชม) จะมีแจ้งเตือนหากขับใกล้ความเร็วที่กำหนด
- สามารถเพิ่มคนขับที่ Security > Add Driver (คนขับรองสามารถใช้ได้ทุกคำสั่ง ยกเว้นซื้ออัพเกรด)
- การเช็คข้อมูลจากแอพจะทำให้รถทำงาน ซึ่งจะกินแบต
- แชร์สถานที่จากแอพแผนที่ในมือถือมาที่แอพ เพื่อส่งไปที่รถ
- เมนู Location > Navigate สามารถใช้สร้าง Trip ที่มีการหยุดหลายๆ จุดได้ แล้วกด Send to Car เพื่อส่งไปที่รถ
การบำรุงรักษา
- ถ้าฝนตก ทำความสะอาดกล้องทุกสัปดาห์โดยฉีดน้ำ และเอาผ้าซับ
- ใบปัดน้ำฝนยกได้เล็กน้อย
- ใบปัดน้ำฝนด้านคนขับขนาด 650 มม ด้านคนนั่งขนาด 475 มม
- เช็คน้ำมันเบรค ทุก 4 ปี
- ไม่ควรเปิดหรือเติมน้ำหล่อเย็นแบตเตอรี่
- เปลี่ยนถุงดูดความชื้นทุก 4 ปี
- เปลี่ยนกรองอากาศทุกปี
- สลับยางทุก 10,000 กม. หรือยางสึกเกิน 1.5 มม.
- เวลายกรถให้ใช้จุกยางรองตามตำแหน่งที่กำหนด